วันนี้ 25 ม.ค.2568 ที่ผ่าน ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าภาพรวมปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกทม.-ปริมณฑล หลายพื้นที่อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) พื้นที่ภาคกลาง ตะวันตก ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สถานการณ์โดยรวมเกินเกณฑ์มาตรฐานหลายจังหวัด ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 14.1–91 มค.ก.มคก.ต่อลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 39.8-87 มคก.ต่อลบ.ม. ภาคกลาง และตะวันตก 32.5-106.9 มคก.ต่อลบ.ม.ภาคตะวันออก 46.3-94.9 มคก.ต่อลบ.ม. ภาคใต้ 9.3-44.2 มคก.ต่อลบ.ม. กทม.-ปริมณฑล 50.9-111 มคก.ต่อลบ.ม.
เปิดโทษเผาไร่อ้อยจำคุก 7 ปีปรับ 14,000 บาท
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดีย มีการแชร์ภาพผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเองและเพื่อน ๆ กำลังจุดไฟเผาอ้อย โดยในภาพเผยให้เห็นเปลวเพลิงมหาศาลกำลังลุกไหม้ พร้อมระบุข้อความว่า
ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมากเนื่องจากการเผาไร่อ้อยเป็นหนึ่งในต้นตอการเกิดฝุ่นPM2.5 เป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลรณรงค์และขอให้เกษตรกรงดการผาพื้นที่เกษตรกรรม ลูกสาวผู้โพสต์ ได้เข้ามาคอมเมนต์ว่า แม่หนูเอง แกไม่รู้กฎหมายหรืออะไร ขอโทษแทนคุณแม่ แล้วจะอธิบายให้แกเข้าใจ โพสต์แม่หนูเป็นคนลบเอง
สำหรับการการเผาอ้อยเป็นการทำผิด มาตรา 25 วรรค 4 แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุขพ.ศ.2535 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ส่งหนังสือกำชับและขอความร่วมมือไปยังสมาคมชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล ให้ปฏิบัติตามมาตรการแนวทางแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการเกี่ยวกับเงินที่หักจากค่าอ้อยไฟไหม้ อ้อยยอดยาว และอ้อยที่มีกาบใบ พ.ศ. 2561
โดยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล ซึ่งอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท และมาตรา 25 วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ