เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้วอดทั้งหลัง รถดับเพลิงกว่า 10 คัน ระดมสกัดต้นเพลิงไม่ให้ลกุลามติดบ้านข้างเคียง เจ้าของบ้านมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ลูกชายปล่อยเงินกู้กินดอกคาดถูกวางเพลิงจากลูกค้า
ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 ลพบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ เลขที่ 33 / 2 หมู่ที่ 8 ต.งิ้วราย อ.เมืองลพบุรี จึงได้แจ้งไปยัง ร.ต.อ.ยุทธกานต์ วังสาร รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านกุ่ม ต.บ้านกุ่ม อ.เมือง ลพบุรี เร่งรัดเวลาตรวจสอบ พร้อมทั้งได้ประสานรถน้ำและรถดับเพลิงจากพื้นที่ และใกล้เคียงกว่า 10 คันรุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังได้ประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดกระแสไฟฟ้าป้องกันอันตรายและเหตุซ้ำซ้อน โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี เดินทางมาอำนวยการดับเพลิงด้วยตนอง
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทางเข้าเป็นทางแคบเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสกัดเพลิง โดยพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับได้มีลมกรรโชกมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมฉีดสกัดเพลิงน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามติดบ้านข้างเคียง โดยใช้เวลาในการดับเพลิงประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ แต่ก็ส่งผลให้บ้านถูกไฟไหม้วอดไปทั้งหลัง ในเบื้องต้นพบว่าทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด มีรถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านถูกไฟไหม้ไปจำนวน 3 คัน
จากการสอบถาม นางปรุง พูลอ่อน อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยด้วยความตื่นเต้นว่าในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนกับสามีได้ขับรถยนต์กระบะออกจากบ้านเพื่อจะไปโรงพยาบาล โดยมีน้องสาวอยู่ที่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ประมาณ 10 นาทีก็ได้รับโทรศัพท์ว่าบ้านไฟไหม้จึงได้วกกลับพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้แล้วที่ชั้นล่าง ไม่สามารถที่จะเข้าไปเก็บสิ่งของมีค่าในบ้านออกมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว นางปรุงเล่าให้กับเจ้าหน้าที่ และกระซิบบอกนักข่าวว่ามีเพื่อนบ้านเห็นว่ามีคนขับรถจักรยานยนต์เข้ามาที่บ้าน เอาน้ำมันไปสาดใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านแล้วจุดไฟเผา ก่อนเพลิงลุกพรึบอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุคาดว่าสาเหตุการถูกวางเพลิงครั้งนี้อาจมาจากความแค้นของลูกค้าเงินกู้ที่ลูกชายปล่อยกินดอกเบี้ย อาจจะถูกทวงถามจนเกิดความแค้นรำคาญ น่าจะเกิดจากการถูกวางเพลิง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องรอเจ้เหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเหตดุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ในเบื้องต้นประเมิณมูลคาความเสียหายไว้ที่ 1 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด ลพบุรี รายงาน
