ภายหลังตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ Realme ได้เข้าชี้แจงต่อ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เกี่ยวกับกรณีการติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อเงินกู้ ชื่อ สินเชื่อความสุข และ Fineasy มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ โดยผู้ใช้บริการไม่สามารถลบแอปฯ ออกเองได้นั้น
ล่าสุด นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่า ในระยะเร่งด่วนนี้ ได้สั่งการให้ทั้ง 2 บริษัทยุติการจำหน่ายสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มีการติดตั้ง 2 แอปฯ นี้แล้ว และให้บริษัทไปดำเนินการในการถอนการติดตั้ง 2 แอปฯ เอง จึงจะสามารถจำหน่ายได้
ส่วนลูกค้าเก่าที่ซื้อสมาร์ตโฟนไปแล้วนั้น คาดว่าเกือบทุกรุ่นน่าจะมีการติดตั้งทั้ง 2 แอปฯ แล้ว เพราะเป็นการติดตั้งแบบอัตโนมัติในกรณีที่ลูกค้าอัพเดตซอฟท์แวร์ ตั้งแต่ปี 2566 แต่ยังไม่ทราบจำนวนเครื่องที่แน่ชัด ว่า มีการติดตั้งแอปฯสินเชื่อเงินกู้ไปแล้วทั้งหมดกี่เครื่อง ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทั้ง 2 บริษัทเร่งดำเนินการถอนการติดตั้งทั้ง 2 แอปฯ ให้กับลูกค้าเก่า โดยจะมีการส่งลิงก์ให้ลูกค้าอัปเดตซอฟแวร์ใหม่อีกครั้ง เพื่อรีบูตเครื่องให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้ง 2 แอปฯ หายออกไปจากเครื่องทันที โดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์ให้บริการ เพื่อลดภาระของลูกค้า ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจะส่งตารางการดำเนินการมายัง สคส. อีกครั้งในวันที่ 16 มกราคมนี้ รวมถึงจะจัดส่งข้อมูลการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ว่ามีจำนวนเท่าไร และนำข้อมูลไปใช้อย่างไรบ้างด้วย
ด้านตัวแทน OPPO และ Realme บอกว่า แอปฯ สินเชื่อเงินกู้ ทั้ง 2 แอปฯนี้ ทางพันธมิตรของโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนเป็นเจ้าของ และดูแลระบบ ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าคือใคร และมีบริษัทไหนเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ เนื่องจากทางตัวแทนเป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายที่ซื้อมาแล้วขายไป ทำให้ข้อมูลทุกอย่างต้องขอจากผู้ผลิต รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการขออนุญาตให้บริการแอปฯ กับทางธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ทราบข่าว ก็เร่งแก้ไขในเบื้องต้นทันที โดยได้แจ้งไปยังโรงงานผู้ผลิตของแอปฯ Fineasy และแอปฯ สินเชื่อความสุข ให้ยุติการติดตั้งทันที และหลังจากนี้พร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกอย่าง เพราะบริษัทมีเป้าหมายอยากจะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมากที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผอ.สำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สคส. บอกว่า ตอนแรกทั้ง 2 บริษัท คาดว่าจะต้องใช้เวลานานราว 1 เดือน จึงจะสามารถลบแอปฯ เงินกู้ทั้ง 2 แอปฯ ออกจากสมาร์ตโฟนของลูกค้าได้ แต่ส่วนตัวมองว่านานเกินไปจึงสั่งให้กลับไปทบทวน แล้วจัดทำตารางส่งมาภายในวันที่ 16 มกราคมนี้ และขณะนี้ยังต้องรอข้อมูลจากทั้ง 2 บริษัทว่าใครเป็นผู้ดูแลระบบแอปฯ เงินกู้ทั้ง 2 แอปฯ หากเป็นทางฝั่งจีนดูแล และเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทยด้วย โดยหลักการจะต้องมีการแต่งตั้งผู้แทนในประเทศให้รับผิดไม่จำกัด ซึ่งเป็นได้ทั้งบุคคลและนิติบุคคล หากไม่ยอมแต่งตั้งก็จะมีโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 3 ล้านบาท และหากตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือนำข้อมูลลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะมีโทษปรับทางปกครอง ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย
ในส่วนความผิดเกี่ยวกับแอปฯสินเชื่อเงินกู้นั้น ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน เพื่อความรู้เรื่องข้อกฎหมาย และดำเนินการตรวจสอบ หาข้อเท็จจริงร่วมกัน ว่า ทั้ง 2 บริษัทจะเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่
ทั้งนี้ หากมีประชาชนตกเป็นผู้เสียหาย ถูกล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนมายัง สคส. ได้
